วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ในอดีตกาล

เมื่อ 40 กว่าปีมาแล้ว เท่าที่จำความได้ ประเทศไทยมีความสงบร่มเย็นมาก ไม่ว่าจะไปทางไหน ก็จะเห็นแต่สีเขียวขจีของพันธ์ไม้ หลากหลาย ผืนป่าอุดม ทรัพยากรต่างๆ สมบูรณ์ ชาวบ้านไม่อดอยาก เพราะ พืชพันธ์ธัญญาหาร มีอยู่ดาษดื่น ในน้ำอุดมไปด้วยปลา ในนาอุดมไปด้วยข้าว แต่ละครัวเรือนมีข้าวเก็บไว้กินเอง ไม่ต้องออกไปซื้อหา ปลาก็สามารถหาได้ในแหล่งน้ำใกล้บ้าน ยังสามารถจับแล้วเอาไปแลกกับเนื้อหมู เนื้อวัว ไก่่ก็เลี้ยงไว้เอง ทุกคนมีความสุขกันถ้วนหน้า ไม่ถึงกับร่ำรวยแต่ก็มีกินไม่ขัดสน ในลำธารมีน้ำใส แม้แต่คูน้ำข้างถนน ยังมีกอบัว มีดอกบัวสพรั่งงามตา นี่คือความสุขของชีวิตในวัยที่ยังเป็นเด็กของผม


หลังจากนั้นมาไม่กี่สิบปี ระบบอุตสาหกรรมได้หลั่งไหลเข้ามา เพราะทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ของเรา ลงทุนเพื่อซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงาน กวาาดซื้อทรัพยากรอย่างไม่คำนึงถึงความสมดุลย์ และได้เริ่มขบวนการผลิตอย่างตะกละตะกราม เพื่อส่งออกไปตลาดต่างประเทศที่มีมูลค่าของผลผลิต สูงกว่าบ้านเราหลายเท่า ทรัพยากร ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ เหมืองแร่ สัตว์น้ำ พืชพันธ์ธัญญาหาร ก็ได้ร่อยหรอลงไปทุกที ที่ดินที่เคยเป็นแหล่งทำมาหากิน ก็ถูกกว้านซื้อจากนายทุนที่ดิน เพื่อเก็งกำไรในการขายต่อให้ กลุ่มทุนต่าง ๆ และเมื่อกลุ่มทุนต่างมีเงินมากขึ้น ก็ย่อมจะแย่งซื้อของที่มีอยู่ในปริมาณที่น้อยลง ทำให้ราคาสูงขึ้น ชาวบ้านที่เคยอยู่สุขสบาย ก็ต้องพลอยเดือดร้อนเพราะต้องใช้เงินที่หาได้มากขึ้น เพื่อดำรงชีวิตประจำวัน ก็ต้องทยอยขายสมบัติเก่า ไม่ว่าจะเป็นที่ดินทำกิน สิ่งของต่างๆ เกิดการย้ายถิ่นฐานกันโกลาหล เพื่อไปตายเอาดาบหน้า พวกชนบทก็ต้องย้ายเข้ามาอยู่ตามเมืองใหญ่ เพราะจะได้ขายแรงงานหาเลี้ยงครอบครัว เนื่องจากไม่มีสมบัติติดตัวแล้ว

ทรัพยากรทางน้ำ ทางทะเล เมื่อผมยังเป็นเด็ก ยังได้เห็นปลากะพงขาวในแม่น้ำ ไม่ว่าจะเป็นตาปีจังหวัดสุราษฎร์ธานี หรือ กระบุรีของจังหวัดระนอง ตัวใหญ่มากๆ ขอย้ำว่าตัวใหญ่มาก ๆ ในสมัยเด็กเคยไปตกปลาในแม่น้ำกระบุรี จำได้ปลากะพงขาวตัวใหญ่สามารถลากเรือแจว ขนาด 20 คนนั่งได้สบาย ต้องเอาสายเบ็ดมัดกับหลักแจวไว้แล้วปล่อยให้มันลากไปจนหมดแรง เมื่อได้แล้วเราก็เอามาแบ่งกันไปตามอัธยาศัย จำได้ว่าหนังของปลาเคี้ยว กรุบ ๆ เหมือนหนังหมูป่าเลย ชาวประมงสมัยก่อนใช้เครื่องมือที่เรียกว่า "โป๊ะ" ดักปลา แล้วใช้เรือเล็ก ๆ เข้าไปจับปลาในโป๊ะ เอามาขาย ส่วนมากจะมีขนาดโตเต็มที่ ไม่เอาเปรียบธรรมชาติ แต่แล้วเมื่อมีเรือประมงอวนลากเข้ามา ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ปลาโตไม่ทัน เพราะเรือจะกวาดไปหมด ปลาเล็กปลาน้อย ก็ติดไปด้วย แล้วกำลังมีผลอยู่ในปัจจุบันนี้ ปัจจุบันรายได้หลักของเรือลากพวกนี้จะเกิดจากการลากปลา ขนาดไม่เกิดนิ้วชี้ และลากมาเป็นจำนวนมากเพื่อขายโรงงานทำเนื้อปลาเพื่อส่งออกไปต่างประเทศ ที่เราได้เห็นในรู้ผลิตภัณฑ์ปลาทิพย์ ปูอัด เป็นต้น

ไม่มีความคิดเห็น: